วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เรื่อง คนอยู่วัด

                  คนอยู่วัด ของ "ไมตรี ลิมปิชาติ "    ผู้เขียนบทวิจารณ์ :  วชิราภรณ์ ชินรัตน์

คำอธิบาย: E:\1\50f6572033f4f_XXL.gif

                                                    คนอยู่วัด ของ " ไมตรี ลิมปิชาติ " เป็นเรื่องสั้นที่ได้รวมเรื่องสั้นไว้หลายเรื่องและเป็นเรื่องสั้นที่ได้รับความนิยมในทุกเพศทุกวัย เรื่องสั้นเรื่องนี้ใช้กลวิธีในเขียนโดยได้เอาเรื่องราวชีวิตของเจ้าของหนังสือเองและเพื่อนๆที่อยู่ในวัดมาเขียนเป็นเรื่องสั้นถ่ายทอดความเป็นไปของเด็กวัดแต่ล่ะคนที่มาอาศัยอยู่ในวัด ซึ่งแต่ละคนมีนิสัยและลักษณะที่แตกต่างกันออกไป สุดท้ายทุกคนต่างก็แยกย้ายไปตามทางคนตน และเรื่องสั้นเรื่องนี้ยังสะท้อนภาพสังคมในลักษณะการใช้ชีวิตของคนจน ถือว่าเป็นเรื่องสั้นที่ดีเล่มหนึ่ง ที่ทุกเพศทุกวัยควรอ่านนอกจากจะให้ความบันเทิงแล้ว ยังให้ข้อคิดและการดำเนินชีวิตอีกด้วย การวิจารณ์เรื่องคนอยู่วัดนี้จะเป็นการวิจารณ์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเด็กต่างจังหวัดที่มาอาศัยอยู่ในวัดที่กรุงเทพฯ เพื่อมาศึกษาต่อในกรุง
              วิถีชีวิตของเด็กวัด
                เด็กวัดในต่างจังหวัด โดยเฉพาะวัดที่อยู่บ้านนอกออกไป มักเป็นเด็กเล็กๆเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถม หรืออย่างมากก็ไม่เกิน ม..๓ เด็กวัดทุกคนอยู่กันแบบเด็กวัดจริงๆ รับใช้พระทุกอย่างนับตั้งแต่ เทกระโถน ซักจีวร ล้างบาตร ถูพื้น หิ้วปิ่นโต และอื่นๆ อีกสารพัด
                  ตรงข้ามกับเด็กวัดในกรุงเทพฯ ส่วนมากเป็นเด็กโต เรียนสูงชั้นอาชีวะ และระดับมหาวิทยาลัยมีมากที่สุด ที่เป็นเด็กเล็กๆ เรียนชั้นประถมมีเพียงไม่กี่คน เด็กวันในกรุงเพทฯ ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับพระ เพราะมีจำนวนมากเกินที่พระจะดูแลได้ทั่วถึง และไม่ค่อยได้รับใช้พระเท่าที่ควร บางคนอยู่เป็นปีๆ ท่านเจ้าอาวาสยังไม่รู้จักก็มี   เด็กวัดที่อยู่ในกรุงเทพฯมาจากทั่วทุกสารทิศของเมืองไทย บางก็เป็นลูกหลานของพระก็มี ฝากต่อๆ กันมา ก็มาก เด็กวัดอยู่อย่างง่ายๆ เรียบๆ เตียงนอน หรือโต๊ะเขียนหนังสือส่วนมากใช้เศษไม้ที่พอหาได้ในวัดมาตอกปะติดปะต่อด้วยฝีมือผู้ใช้เอง ขาของเตียงหรือโต๊ะ เก้าอี้ จึงมีขาดไม่เท่ากัน ที่หลับนอนก็มีเสื่อผืนหมอนใบ การมาอยู่ในวัดต้องรู้จักการช่วยเหลือตัวเอง รู้ถึงความยากลำบากของตัวเองและเพื่อนเด็กวัด รู้ถึงการดิ้นรนทะเยอทะยานเพื่อไปสู่อนาคตที่ดีกว่า รู้จักความรักความเห็นใจระหว่างเพื่อนต่อเพื่อน ระหว่างพระกับเด็กวัด ตลอดจนเด็กวัดกับหมา เด็กวัดส่วนใหญ่ขยันเรียนหนังสือ เพราะต่างก็รู้ว่าเป็นทางเดียวที่จะทำให้อนาคตสดใสได้ กลางคืนจะนั่งอ่านหนังสือ โต๊ะใครโต๊ะมัน เช้าก็ตื่นท่องหนังสือ มีบางคนเท่านั้นที่ไม่สนใจการเรียน เด็กวัดส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ยากจน ความหิวกินไม่อิ่มท้องจึงเป็นอุปสรรคในการเรียนมาน้อย เพราะทำให้สมองไม่ปลอดโปร่าง ดังในตอนที่ว่า
                        “ เราหิวไม่ได้กิน เวลาเรียนทำให้สมองปั่นป่วน เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง
เด็กวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ต่างก็เป็นคนจน พอมาเรียนในกรุงเทพฯทางบ้านก็จะส่งเงินมาให้ไม่มาก จึงไม่พอกับค่าใช้จ่าย เด็กวัดทุกคนพอมีปัญหาเกี่ยวกับการเงิน ก็ต้องหาเงินใช้เองเพื่อความอยู่รอด โดยการนำสิ่งของที่มีติดตัวไปจำนำ ดังในตอนที่ว่า
                        “ เด็กวัดส่วนมากเงินขาดมือแทบทุกเดือน เมื่อขาดมือก็ต้องหาของจำนำ
ความยากลำบากทำให้ทุกคนต้องดิ้นรนต่อสู้ทุกวิถีทาง ทั้งให้อยู่รอดในปัจจุบัน และมุ่งหวังชีวิตก้าวหน้าในอนาคต แต่ละคนก็แต่ละอย่าง

                    อัตลักษณ์ตัวละครคนอยู่วัด
                 ไอ้นึกจอมกะล่อน
                    จากเรื่องพบว่าบทสนทนาของตัวละครบอกถึงลักษณะนิสัยของตัวละคร  ได้แก่
                  “ ช่างหัวมัน มันอุตส่าห์หน้าด้านขอ เราก็ควรหน้าด้านให้
                “ คืนพรุ่งนี้กูจะไปกินอีก จะเอาใส่ถุงพลาสติกมาฝากพวกมึงด้วย
               “ ก็มึงเป็นคนล้าสมัย สมัยนี้ทำอะไรขายหน้าบ้างไม่เป็นไร สำคัญที่ให้พาตัวรอดเป็นใช้ได้ มึงมัวคิดมาก ต่อไปก็จะพาตัวไม่รอด อย่าลืมว่าด้านได้อายอดนะพวก
              “ ยี่สิบไม่มี ขอสักสิบเถอะ กูมีเมื่อไหร่จะรีบมาใช้
             “ คนอย่างกูรึต้องไปขโมยเขากิน กูรวบรวมหนังสือแจกงานศพไปขายแจ๊กมาโว้ย
             “ เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ต่อไปทุกบ้านจะติดแอร์ แม้ในห้องสวมก็ต้องติด ไม่นั้นจะขี้ไม่ออก กูรู้เหตุผลข้อนี้ดี กูเลยสมัครขายแอร์
             ไอ้นึกเป็นหนึ่งในตัวละครที่ปรากฏตัวเยอะที่สุดในหนังสือเล่มนี้ มีตอนหลักเกี่ยวกับไอ้นึกถึงสองตอน คือ ไอ้นึกกับ เรื่องของไอ้นึกยังไม่จบทั้งสองตอนแสดงถึงความกะล่อนของไอ้นึก จากบทสนทนา ไอ้นึกมีวิธีการเอาตัวรอด ไอ้นึกเป็นคนที่ไม่ต้องการความลำบาก จึงพยายามใช้ทางลัด ไม่ว่าจะเป็นการขอกินอาหารตามงานเต่งงาน หรือขอเงินเพื่อน ในตอนต่อมาไอ้นึกเป็นเซลล์แมนขายแอร์ แต่กลับโกงบริษัท จนสุดท้าย ก็ต้องเข้าคุกในที่สุด ไอ้นึกแสดงถึงเด็กวัดท่าไม่พยายามไขว่คว้า หวังจะได้อะไรง่ายๆสุดท้ายก็ไม่สำเร็จ

             คุณยอดยิ่งจอมขยัน
             “ สภาพอย่างเราไม่ควรกินขนมหวาน มันไม่จำเป็น
            “ กูมาดักดูสาวว่ะ
            “ กูจนอยู่แล้ว ฟังยังมาหายอีก ซวยฉิบ แล้วกูจะไปเรียนหนังสือยังไง
             “ คอยดู ถ้ากูเรียนไม่สำเร็จ กูจะไม่ยอมใส่ฟันใหม่เด็ดขาด กูจะปล่อยให้ฟันหลออย่างนี้จนตาย
             ไอ้ยิ่งหรือยอดยิ่งเป็นลูกคนขายขนม ได้ผิดหวังในความรักครั้งหนึ่ง และสอบตกอีกด้วย แต่ไอ้ยิ่งก็ยังคงตั้งใจเรียนต่อไป ไอ้ยิ่งเห็นว่าเป็นคนจนถึงเรียนเก่งสุดท้ายก็ยังต้องเจออุปสรรคไม่เหมือนคนรวยที่ได้รับการสนับสนุนแทบทุกด้าน ไอ้ยิ่งตั้งใจเรียนและในที่สุดความพยายามก็แสดงผล ไอ้ยิ่งไต่เต้าจากลูกน้อง ขึ้นมาเป็นหัวหน้ากรม ไอ้ยิ่งเด็กวัดในตอนนี้คือคุณยอดยิ่ง หัวหน้ากรม นั่งห้องแอร์ มีลูกน้องมากมาย  ไอ้ยิ่งปรากฏตัวน้อยครั้งแต่เป็นตัวละครมี่สำคัญมาก เขาแสดงให้เห็นว่าหากเราสู้ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค และตั้งใจที่จะเดินต่อไปข้างหน้า วันหนึ่งความพยายามก็จะเป็นผลสำเร็จ  ความพยายาม และแรงใจที่แกร่งกล้า ได้เปลี่ยนเขา จากเด็กวัดสู่หัวหน้ากรม จากไอ้ยิ่งสู่คุณยอดยิ่ง

           

 ไอ้ช่วงคนฝืนดวง
             “ พระกินสองมื้อได้ เราก็กินสองมื้อได้
             “ ความหวังของกูอยู่ที่กำปั้นนี้แหละ
            “ กูอยากเป็นนักมวยมีชื่อ ทำเงินได้มากๆจะได้หายจนเสียที
            “ วันหนึ่งกูต้องเป็นแชมป์ให้ได้
             “ กูจะกลับบ้านไปเยี่ยมแม่ที่พระนครฯ และจะหาชื่อเสียงที่เวทีต่างจังหวัดก่อน กูจะกลับกรุงเทพฯ อย่างสิงห์อีกครั้ง
            “ โชคร้ายตามเคย
           “ ไม่ได้ต้อยก็ขอให้ได้ไปดู
           “ กูไปถึงโรงพยาบาล ตั้งใจจะขาดเลือด บังเอิญกูเกิดรู้จักกับพยาบาลคนหนึ่ง เป็นคนบ้านเดียวกับกู กูอาย เลยให้เลือดฟรีๆ
             ไอ้ช่วงปรากฏตัวในตอน ขายเลือดจากบทสนทนา เรียกได้ว่าไอ้ช่วงเป็นคนที่พบความอุปสรรคในชีวิตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาครอบครัว การไม่มีข้าวจะกินอดข้าว ความล้มเหลวในการเป็นนักมวย อุบัติเหติ ฯลฯ ไอ้ช่วง มีวิธีต่อยมวยที่ไร้จังหวะและ ไร้โชคสำหรับเขา ความใจสู้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่คอยพยุงให้เขามุ่งมั่น เขาเป็นตัวแทนของเหล่าเด็กวัดที่แม้จะพยายามเท่าไหร่ก็ยังแพ้อยู่ ถึงกระนั้นไอ้ช่วง ยังมีแนวคิดที่ว่า ไม่ชนะแต่จะไม่ยอมแพ้

              สนั่นจิตรกรมือรางวัล
              “ กูไม่นึกเลยว่าจะได้เข้าเรียนเพาะช่าง
              “ เปล่า ! เรื่องนั้นไม่ห่วง แต่พ่อกูซิ ไม่ยอมให้เรียนท่าเดียว บอกว่าเรียนวาดเขียนจน แต่กูก็ดื้อเรียนจนได้
              “ ตอนแรกก็บอกว่า กูรักวาดรูปมาก ขอให้เรียนเถอะ เรียนอย่างอื่นไม่ชอบ แต่พ่อไม่ยอมเข้าใจ เอาเรื่อง เงินๆ ทองๆ มาพูดอยู่เรื่อย กูเลยใช้ไม้ตายบอกว่าจะยอมให้โตเป็นควายอยู่กรุงเทพฯ จะไม่ยอมเรียนอะไรทั้งนั้น นอกจากเรียนเพาะช่าง
             “ ไม่รักพ่อจะรักเทวดาที่ไหน
                    “กูก็รู้ตัวดีนี่หว่า ว่าขืนเรียนอย่างอื่นไม่ไหวแน่ เปลืองเงินพ่อกูเปล่าๆ กูจึงกล้าขัดใจพ่อ เพื่อหวังผลภายหน้า กูจะได้เป็นจิตรกรที่มี ชื่อเสียงของเมืองไทยให้ได้ กูจะพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่า ลูกของพ่อได้เรียนถูกทางแล้ว  ”
                  “ ต่อไปไม่แน่ จิตรกรอาจมีฐานะดี ภาพฝีมือของกูอาจราคาเป็นพัน เป็นหมื่น หรือมากกว่านั้น
กูจบเพาะช่าง จะไปต่อศิลปากร
                 “ รูปนี้กูจะเขียนส่งเข้าประกวด
                  จากบทสนทนา สนั่นเป็นตัวละครที่มีความมุ่งหมั่น รักพ่อมาก มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ เป็นคนประหยัดและเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนๆในวัด ไม่เที่ยว ไม่ดูดบุหรี่เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ดังในตอนที่ว่า
                “ จากเพาะช่างปีหนึ่ง ขั้นปีสอง และปีสามตามลำดับ ผมสังเกตเห็นเขาเสมอต้นเสมอปลาย เขาไม่มีท่าทีว่าจะเบื่อการเขียนภาพเลย ดูเขากลับหลงใหลมันยิ่งขึ้นไปอีก
                 สนั่นมีความสามารถในการเขียนภาพ และเขียนตัวหนังสือได้สวยกว่าเด็กวัดคนอื่นๆ เขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนเพาะช่าง เพราะเขาชอบการเขียน วาดรูปและใฝ่ฝันอยากเป็นจิตรกรมากกว่าอาชีพอื่น หาเงินใช้ได้ด้วยตัวเองโดยการวาดภาพส่งเข้าประกวด

                ไอ้ล้านผู้มีแผน
              “ กรุงเทพฯ กว้างไหมครับ
             “ กว้างขนาดไหนได้
              “ ผมอยากไปเที่ยวให้ทั่วกรุงเทพฯ
             “ ถ้างั้น ผมคงไม่ได้บวช
            “ แต่ของผมมันเรื่องเดียวกัน หมอดูเคยทายว่า ถ้าผมไม่บวช จะติดคุก ถ้าติดคุกจะไม่ได้บวช
           “ เชื่อสิครับ ไม่เชื่อหมอดูแล้วเชื่อใคร
            “ ผมกลัวเชย อยู่กรุงเทพฯ ต้องดูหนังฝรั่ง
           “ ช่างมัน ผมไม่ได้ดูเอาเรื่อง ผมจะดูเอาไว้คุย
           “ ไม่ได้ไปไหนทุกอย่างเป็นไปตามแผน
                      “ วันนี้ เป็นวันเกิดของข้าฯ ข้าฯ ไม่มีวิธีใดจะเลี้ยงวันเกิดได้ดีเหมือนวิธีนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
                       ล้านเป็นตัวละครที่นอบน้อม เป็นคนน่าสงสาร กำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เล็ก สมองไม่ค่อยดี ทำตัวเหมือนเด็ก ดังในตอนที่ว่า
                      “ ล้านมันเป็นเด็กน่าสงสาร กำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เล็ก สมองมันไม่ค่อยดีอายุเกือบสิห้าแล้ว แต่ความนึกคิดเหมือนเด็กอมมือและช่วยเหลือแนะนำมันพอสมควรด้วยเผื่อมันสลาดขึ้นบ้าง จะได้ให้มันบวชเรียนเสียเลย
                      และทำตัวเป็นเด็ก บ้าบ๊องๆไม่ค่อยเต็มนัก เป็นที่รักของคนในวัด ขยันใครใช้ทำอะไรก็ทำ ไม่เคยเกียจคร้าน ดังในตอนที่ว่า
                     “ ยิ่งนานวัน พวกเด็กวัดก็ยิ่งรู้ว่า ล้านเป็นคนบ๊องๆ ไม่ค่อยเต็มนัก แต่พวกเราก็รักและเอ็นดูมัน เพราะคนอย่างมันไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร แถมยังทำตัวเหมือนเด็กรับใช้ในวัด ใครจะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ ไม่ขัดใจ พระท่านก็ชอบ เพราะมันไม่เกียจคร้านที่จะช่วยงานวัด
                         ล้านไม่ได้เรียนเหมือนเด็กคนอื่น หลวงพี่ทวีจึงมอบหมายหน้าที่ให้ล้านไปรับปิ่นโตจากร้านอาหารเวลาฉันเพล ล้านจะปฏิบัติหน้าที่ได้ดีตลอดมา

แนวคิดภาพสะท้อนภาพสังคม ในด้านของ การศึกษา ที่ปรากฏในเรื่องคนอยู่วัด
                                          ในด้านการศึกษาของเด็กวัดนั้น แตกต่างจากคนรวยอย่างมาก เด็กที่อยู่วัดไม่ค่อยมีโอกาสได้ศึกษามากเท่าที่ควร เพราะทางบ้านไม่มีเงินส่งให้เรียน ถึงส่งเรียนก็ไม่พอใช้ สำหรับคนที่เรียนต้องประหยัดให้ได้มากที่สุดเพราะกว่าทางบ้านจะส่งเงินให้ เงินก็ไม่พอใช้แล้ว เด็กวัดก็ต้องหาเงินด้วยตัวเองถึงจะพอใช้ ดังตัวอย่างในตอน คุณยอดยิ่ง
                                           ไอ้ยิ่งลูกแม่ค้า เราได้มาเรียนต่อกรุงเทพฯ เราอยู่วัดหลายปี เมื่อไอ้ยิ่งเรียนจบ ม.๘ มันได้เข้าเรียนต่อ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ อยู่ในวัดจำต้องย้ายห้องเพื่อความสะดวกเหมาะสม ผมเคยอยู่ห้องเดียวกับมันครั้งหนึ่ง เราเคยขัดสนเรื่องเงินทั้งคู่ มันเดินไปเรียนที่มหาลัยธรรมศาสตร์ทุกวัน อาหารกลางวันไม่ต้องพูดถึง ไอ้ยิ่งกินน้ำประปาแทนข้าว พอหนักๆ ท้องก็หลบหามุมอ่านหนังสือ ขณะที่เรากำลังล้อมวงกินข้าวต้มในวันหนึ่ง มันพูดอย่างน่าฟังและน่าคิดว่า….
                                    “ เกิดเป็นคนจนถึงจะหัวดีอย่างไร ก็เรียนสู้ลูกคนรวยที่หัวดีไม่ได้ เราหิวไม่ได้กิน เวลาหิวทำให้สมองปั่นป่วน เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ส่วนลูกคนรวยเวลาเรียนหนังสือดึกๆ นึกจะกินอะไรก็กิน ในตู้เย็นก็มี
                                      ส่วนการศึกษาของเด็กเล็กของเด็กวัดกับเด็กในเมืองก็ต่างกัน แต่ถึงแม้เด็กวัดตัวเล็กๆจะไม่ได้เรียนในห้องเรียนใหญ่ๆ ที่มีครูสอนเก่งๆ เหมือนลูกคนรวย แต่เด็กวัดก็ได้เรียนกับหลวงตาที่คอยอบรมสั่งสอนเด็กวัดให้เป็นคนดี ดังตัวอย่างในตอน หลวงปู่
                                       ตกกลางคืนทุกคนต้องเรียนหนังสือ หลวงปู่จัดโต๊ะยาวไว้กลางห้อง ทุกคนต้องมาเรียนหนังสือรวมกัน เวลาเรียนห้ามพูด ต่างคนต่างทำงาน ต่างคนต่างเรียน ใครมีการบ้านก็ทำการบ้าน ใครไม่มีก็อ่านท่องจำ ก่อนนอนต้องสวดมนตร์ไหว้พระ หลวงปู่พูดถึงศิษย์หลายคนที่ได้ดีอย่างภาคภูมิใจ และมักจะนำรูปภาพเต็มยศของคนดีๆ เหล่านั้นมาให้ศิษย์รุ่นปัจจุบัน
                               พวกเอ็งอยากเป็นอย่างนี้ไหมหลวงปู่ถาม ขณะชี้ให้ลูกศิษย์ดูภาพข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง
                                ถ้าพวกแก่อยากเป็นใหญ่เป็นโต อยากมีฐานนะดี ต้องขยันเรียน การเรียนหนังสือเป็นทางลัดที่ทำให้เราพบความสำเร็จได้ คนที่ไม่เรียนหนังสือต่อไปจะลำบากหากินไม่ทันเขา หลวงปู่สอนศิษย์
                         จากข้อความข้างต้นถึงแม้เด็กวัดจะไม่ได้เรียนกับครูจริงๆ เหมือนกับลูกคนรวย แต่เด็กวัดก็ได้รับคำสั่งสอนจากหลวงปู่ ทำให้เด็กวัดทุกคนเป็นคนดีเหมือนกับลูกคนรวย และสามารถเป็นคนดีของสังคมได้

แนวคิดภาพสะท้อนภาพสังคม ในด้านของ ชนชั้น คนรวยกับคนจน ที่ปรากฏในเรื่องคนอยู่วัด
                        เรื่องสั้น เรื่องคนอยู่วัดได้สะท้อนภาพสังคมในเรื่องคนจนกับคนรวยอย่างเห็นได้ชัดเจน คนที่เป็นลูกคนรวยจะอยู่สุขสบายมากกว่าลูกคนจน ซึ่งในสังคมปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นกันบ่อยๆ คนจนจะดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ทำงานและเงิน ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวได้สุขสบาย แต่คนรวย ด้วยความที่เขามีต้นทุนแต่เดิมคือเกิดมาก็รวยอยู่แล้ว ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากมายก็สมหวังแล้ว ดังในตัวอย่างตอน ศักดินาในวัด ที่ว่า…..
                     ผมพาสมเกียรติไปฝากขออนุญาตหลวงพี่เป็นที่เรียบร้อย ผมแบ่งที่ในห้องให้เขาพอวางเตียงได้ เตียงของเขาเป็นเตียงเหล็กอย่างดีนอนกระเด้ง ที่นอนหนา มีผ้าปูที่นอนขาวสะอาด วันที่เขาย้ายมานั้นต้องใช้รถบรรทุกเล็กหนึ่งคัน ผิดกับเด็กวัดคนอื่น ซึ่งส่วนมากเข้าวัดด้วยกระเป๋าใบเดียว นอนนั้นยังใช้ของวัด สำหรับเขานอกจากเตียงนอนส่วนตัวแล้ว เขายังมีโต๊ะเก้าอี้และตู้เสื้อผ้าอีกกระเป๋าใบใหญ่กว่าใคร
                     เสื้อผ้าของสมเกียรติมีเกือบเต็มตู้ ล้วนแต่สวยๆ งามๆ ทั้งนั้น ผิดกับของผมซึ่งแขวนอยู่อีกมุมเพียงไม่กี่ตัว ตู้ก็ไม่มีแม้แต่ตู้พลาสติก ผมต้องใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปิดกันฝุ่น เตียงนอนเพียงไม้กระดานสองแผ่น เสื่อผืนหมอนใบ มุ้งของผมตอนแรกก็ขาวดี แต่พอกางใกล้ๆ มุ้งของเขาสีมุ้งของผมกลายเป็นสีเหลืองอ่อนทันที ในห้องเวลานี้จังเป็นเหมือนกับที่นอนของเจ้านายกับบ่าว (คนใช้)
                   ทางบ้านของเขาส่งเงินให้สมเกียรติใช้มากกว่าที่ผมได้รับถึงสามเท่าว่าไปเขามาอยู่กับผม ทำให้ผมสบายมากขึ้น เรียนหนังสือดึกๆ ก็มีขนมกินแทบทุกคืน และบางทีก็ได้กินข้าวต้มก่อนนอน ด้วยการบริการของเขานั่นแหละ ผมเองจะมีปัญญาที่ไหนซื้อกิน
                   สมเกียรติซักผ้าเองเพียงไม่กี่วัน เขาก็ทนความลำบากไม่ไหวจึงจ้างเขาซัก ตอนแรกจ้างเพื่อนเด็กวัด ภายหลังเขาซักไม่สะอาด จึงไปจ่างร้านซักรีดที่ห้องแถวใกล้วัด
                    จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่าคนรวยมีความพร้อมหลายๆ อย่างมากกว่าคนจน กว่าที่คนจนจะได้สิ่งที่ต้องดิ้นรนหาเพื่อที่จะได้สิ่งนั้นมา ไม่เหมือนกับคนรวยที่ไม่ต้องดิ้นรน ก็มีให้อยู่แล้ว

แนวคิดภาพสะท้อนภาพสังคม ในด้านของ ความเมตตา การมีน้ำใจ การช่วยเหลือซึ่งกันละกันที่ปรากฏในเรื่องคนอยู่วัด
                             "...สังคมใดก็ตาม ถ้ามีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ด้วยความมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน สังคมนั้นย่อมเต็มไปด้วยไมตรีจิต มิตรภาพ มีความร่มเย็นเป็นสุข น่าอยู่..." อีกทั้งทรงรับสั่งอยู่เสมอเกี่ยวกับการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ว่า ที่พระองค์ทรงทำอยู่นั้นทรงใช้หลักสังฆทาน ความหมายนี้ลึกซึ้งมาก คือ "ให้เพื่อให้" พระองค์ไม่เคยนึกว่าเมื่อให้แล้วจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ หลักสังฆทานให้โดยไม่เลือก ในฐานะเพื่อนมนุษย์ผู้ประสบความทุกข์ยากก็มีโครงการเข้าไปช่วยเหลือ ให้เพื่อให้จริงๆ ไม่ได้ให้เพื่อคิดหวังอะไรตอบแทน
                            การที่เด็กๆ ได้มาอาศัยอยู่วัดนั้น เพราะได้รับความเมตตาจากหลวงปู่ ที่ได้ให้ที่อยู่อาศัย ข้าวปลาอาหาร และสิ่งต่างๆ ที่เด็กวัดขาดเหลือ หรือมีปัญหาหลวงปู่หรือพระรูปอื่นที่ให้ความช่วยเหลือ แก่เด็กวัด ดังในตอนโทรเลขจากบ้าน……
                          “  ปัญหาที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราสามคนพี่น้อง เมื่อรวมกันแล้วมีเงินไม่พอเป็นค่ารถกลับบ้าน เรื่องนี้ต้องเดือดร้อนถึงหลวงพี่ ผมต้องกราบเรียนหลวงพี่เพื่อขอยืมเงิน ท่านกรุณาหยิบยืนให้ทันทีเมื่อทราบ พระคุณของท่านครั้งนั้นผมจะจำไปจนวันตาย
                           ในการอยู่รวมกันของเด็กวัดนั้น มีการเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่ การมีน้ำใจของเพื่อนด้วยกัน อันเป็นแบบอย่างที่ดีของคนในสังคม ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ดังในตอนรองเท้าหาย….
                           วันหนึ่ง ประคองหน้าบึ้งตึงเข้ามาพบผมกับอำนวยถึงห้อง
                         “ ใครก็ได้ ขอกูยืมรองเท้าสักคู่ เขาถามกวาดสายตามองเรา
                          แล้วของมึงหายไปไหนเสียล่ะ ผมถามด้วยความสงสัย
                            ถูกขโมย ระยำฉิบหาย รองเท้าของกูเหม็นก็เหม็น ยังมีคนมาขโมยอีก ประคองพูดอย่างโกรธแค้น
                        ถ้าเก่าอย่างนั้นไม่น่าเสียดาย ซื้อใหม่เสียเลย
                        “ กูซื้อแน่ ต้องรอสิ้นเดือนให้เงินมาเสียก่อน ตอนนี้จะเองเงินที่ไหนซื้อ ที่วิ่งมาหาพวกมึงก็เรื่องนี้แหละวะ วันนี้กูมีสอบจะไปสอบได้ยังไง กูไม่มีรองเท้าใส่ไป
                        “ เอาของกูไหม แต่มันเก่าไปหน่อย ผมเสนอรองเท้าคู่เก่าที่ผมเลิกใช้ใส่ไปโรงเรียนแล้วให้มันที่ผมยังเก็บไว้เพราะไว้ใส่เตะตะกร้อเป็นชั่วคราว
                           เก่าก็ไม่เป็นไร มันว่า
                         ผมล้วงรองเท้าคู่นั้นออกมาจากใต้เตียง ฝุ่นจับเขรอะ มันรับไปเคาะแรงๆ สองที เพื่อไล่สัตว์ร้ายที่อาจอาศัยอยู่ในรองเท้า แล้วยกขึ้นส่องดูเข้าไปข้างในเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ก่อนเอาเท้าแหย่เข้าไป แต่ปรากฏว่าเท้าของมันใหญ่กว่าของผม ยัดไม่เข้า
                      เอาของไอ้นวยซิ คงพอดี ผมเสนอใหญ่
                          ไอ้นวยหันมาค้อน
                         เท้ากูโต มึงคงใส่หลวม ท่าทางอำนวยไม่ค่อยอยากให้เพราะ อำนวยเป็นคนรักรองเท้ามาก สังเกตกับที่เห็นเขาขัดรองเท้าสองคู่ของเขาแวววับทุกวัน แล้วใช้ผ้าคลุมเก็บไว้อย่างดี และเขาเคยพูดกับผมว่า รองเท้าต้องมีไว้สองคู่ ใส่ผลัดกันคู่ละวัน จะใช้ทนกว่ามีคู่เดียว
                         หลวมนิดหน่อยไม่เป็นไร เอากระดาษอัดได้ ประคองว่า
                      ขอลองก่อน ก็ได้กูก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เอา ไปหาที่อื่นต่อ วันนี้ยังไงๆ ก็ต้องหาให้ได้
                      อำนวยหยิบรองเท้าให้ประคองคู่หนึ่ง อย่างเลี่ยงไม่ได้
                       ประคองรับรองเท้ามาใส่ เหมือนจงใจแกล้งอำนวย รองเท้าใส่ได้พอดีเปี๊ยบ
                     จากข้างต้นเพราะความมีน้ำใจของอำนวยแท้ๆ ที่ทำให้ประคองมีรองเท้าใส่ไปสอบ ด้วยความมีน้ำใจที่มีต่อเพื่อน จึงยอมช่วยประคอง
                    
                    สรุปเรื่องสั้นคนอยู่วัด
                            เด็กวัดเข้ามาในกรุงเทพฯส่วนมาก เข้ามาเรียนหนังสือ เด็กวัดแต่ละคนจะพบอุปสรรคแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว การงาน การเงิน การเรียน และอีกหลายอย่าง แต่ล่ะคนแก้ไขปัญหาแตกต่างกันไป บางคนก็เลี่ยงอุปสรรคด้วยทางลัด เช่นไอ้นึก หรือ พวก ที่ขโมยของ บางคนสู้กับปัญหา แม้ไม่เห็นทางชนะ ฝืนดวงตนเอง เช่น ไอ้ช่วง บางคนพยายามและพบกับชัยชนะสูงสุด ซึ่งก็มาจากความลำบากทั้งสิ้น คนอย่างนี้ตัวอย่าง คือไอ้ยิ่ง ซึ่งตอนจบก็เป็นคุณยอดยิ่ง ชีวิตของเด็กวัดดูลำบาก แต่ตราบใดที่เป้าหมายยังอยู่ตรงหน้า อุปสรรค ก็จะไม่หยุดพวกเขา
                  


2 ความคิดเห็น:

  1. เสียดายนะครับ ที่ความน่าอ่านของเนื้อหา ถูกทำลายลงเพราะพื้นหลังที่รบกวนสายตามาก อ่านยากจริงๆ ครับ
    ผมต้อง copy ไปวางใน Notepad จึงจะได้อ่าน

    ตอบลบ
  2. Best Casino Real Money - Mapyro
    Browse all 광양 출장안마 of 용인 출장샵 the best 아산 출장안마 online 인천광역 출장샵 casino real money casinos in Michigan. Use our ranking to help you find 부천 출장안마 the best games and apps for real money.

    ตอบลบ